UFABETWIN666 เว็บพนันออนไลน์ แทงบอลออนไลน์

เมล็ดลิ้นจี่แคปซูล

เมล็ดลิ้นจี่แคปซูล สรรพคุณทางยา ดังที่ใช้ในประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ นับมาแต่โบราณ เนื้อในผล กินเป็นยาบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง แก้อาการคัดจมูก รักษาอาการท้องเดิน ลดกรดในกระ-เพาะอาหาร และผ่อนคลายอาการไม่ทั่วไปของระบบทางเดินอาหาร
ในประเทศจีนใช้เปลือกผลลิ้นจี่ทำเป็นชา ใช้ชงเพื่อผ่อนคลายอาการหวัด แก้การติดเชื้อในลำคอ อาการท้องเสียอย่างอ่อน และโรคจากการติดเชื้อไวรัส ตำรายาจีนบอกเฉพาะเจาะจงเมล็ดลิ้นจี่ ว่ามีรสหวาน ขมน้อย สรรพคุณอุ่น ส่งผลให้พลังชี่ขับเคลื่อนเขยื้อน ลดอาการปวด ใช้กรณีเจ็บท้อง เจ็บไส้เลื่อน ปวดบวมของอัณฑะ ใช้ขนาด 5-10 กรัม โดยมักผสมกับสมุนไพรอื่นอีก เมล็ดลิ้นจี่ แคปซูล หนึ่งหรือสองประเภท เมล็ดลิ้นจี่ ที่แห้ง ควรนำมาบด คั่วให้แห้งโดยผสมด้วยน้ำเกลือ แล้วค่อยเติมน้ำลงไปต้ม น้ำดื่ม หรือทำเป็นผง รับประทานหรือใช้ ผงยาพอกรอบๆมีอาการเจ็บบวม รากลิ้นจี่หรือเปลือกต้นใช้แก้อาการติดเชื้อ ไวรัส อีสุกอีใส และเสริมเติมสมรรถภาพระบบภูมิคุ้มค่ากันของร่างกาย

สรรพคุณของลิ้นจี่

1.ผลรับประทานเป็นยาบำรุงร่างกาย
2.ช่วยให้พลังชี่เคลื่อนเคลื่อนที่ (เมล็ด)
3.มีฤทธิ์สำหรับเพื่อการต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างสูง (สารสกัดจากเปลือก)
4.ลิ้นจี่ต้านมะเร็ง ช่วยยับยั้งการเจริญโตขึ้นของเซลล์มะเร็งเต้านม (สารสกัดเพอริคาร์ปของลิ้นจี่)
5.ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ราก, เปลือกลำต้น)
6.ลิ้นจี่มีสรรพคุณช่วยแก้อาการไอเรื้อรัง
7.เปลือกของผลใช้ทำเป็นชาชงดื่มแก้อาการหวัด (ชาจากเปลือก)
8.ช่วยแก้อาการคัดจมูก
9.ช่วยปกป้องการเกิดและช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
10.ช่วยแก้การติดเชื้อในลำคอ (ชาจากเปลือก)
11.ช่วยบำรุงระบบการย่อยอาหาร
12.ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร
13.ช่วยบรรเทาอาการไม่ทั่วไปของระบบทางเดินอาหาร
14.ช่วยรักษาอาการท้องเดิน
15.ช่วยแก้อาการท้องเสียจำพวกไม่รุนแรง (ชาจากเปลือก)
16.ช่วยคุ้มครองป้องกันและรักษาตับ (สารสกัดของผลลิ้นจี่)
17.มีส่วนช่วยลดขนาดเนื้องอก (งานวิจัยในประเทศจีน แต่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไว้กระจ่างว่าใช้ส่วนใดของลิ้นจี่)
18.ช่วยรักษาโรคจากการติดเชื้อไวรัส (ชาจากเปลือก)
19.ช่วยรักษาลักษณะของการปวดท้อง (เมล็ด)
20.ช่วยรักษาความรู้สึกปวดไส้เลื่อน (เมล็ด)
21.ช่วยรักษาความรู้สึกปวดบวมอัณฑะ (เมล็ด)
22.ช่วยรักษาโรคไส้เลื่อน อัณฑะหย่อนยาน ด้วยการนำเมล็ดไปตากแห้งแล้วนำไปคั่วกับไฟอ่อน ๆ จนสุกเกรียม แล้วนำมาบดเป็นผง นำเอาผงที่ได้มาประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะต้มกับน้ำ หรือตัก 1 ช้อนแล้วเอามาชงกับน้ำร้อน ดื่มวันละ 3-4 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 20 วัน (เมล็ด)
23.ลิ้นจี่มีประโยชน์ในการช่วยปกป้องการเกิดโรคเหน็บชา (วิตามินบี 1)
24.รากลิ้นจี่หรือเปลือกของลำต้น ใช้แก้อาการติดเชื้อไวรัสและอีสุกอีใสได้ (ราก, เปลือกลำต้น)
25.ช่วยลดอาการปวดต่าง ๆ (เมล็ด)

ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากลิ้นจี่
นำมาทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มช่วยแก้กระขาดหาย ให้รสชาติหวานชื่นใจ
ลิ้นจี่สำเร็จไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของบ้านเรา โดยมีการนำไปแปรภาพสำเร็จไม้กระป๋องและอบแห้งเพื่อที่จะส่งออก

เพื่อ งานวิจัยซึ่ง ยังต้องการรับรองซ้ำเพื่อให้ได้ผลยืนยัน เผชิญว่า สารสกัดเมล็ด ด้วยน้ำขนาด 0.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้แก่คนที่เป็นพาหะโรคไวรัสตับประเภท บี ใช้ได้ผลดีสำหรับเพื่อการยับยั้งเอ็นไซม์ตับที่สูงมากขึ้น

รายงานวิจัยที่ทำในประเทศจีนอื่นๆยังเจอว่า สารสกัดลิ้นจี่ลดขนาดเนื้องอกในสัตว์ทดทดสอบ แต่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นสารสกัดส่วนใดของลิ้นจี่ สำหรับงานวิจัย นักวิทยาศาสตร์ของไทย พบว่าสารสกัดผลลิ้นจี่มีฤทธิ์สำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกันตับ ในหนูที่เหนี่ยวนำให้ได้รับสารพิษ และเป็นโรคตับ

ผลของการใช้ลิ้นจี่และผลวิจัยจากสารสกัดลิ้นจี่ บ่งชี้ สมรรถนะของลิ้นจี่ ไม่เพียงแต่มีรสอร่อย เมล็ดลิ้นจี่แคปซูล แต่ยังมากด้วยคุณประโยชน์ทางยา อย่างไรก็ดี เนื้อผลลิ้นจี่ ยังมีสารเจือที่เจอในการวิจัยและคาดว่าเป็นต้นเหตุนำมาซึ่ง อาการ “ ร้อนใน ” ได้ การรับประทานลิ้นจี่มากเกินไปอาจจะเกิดอาการดังกล่าวมาแล้วข้างต้นได้ ควรจะรับประทานอาหารหลากหลาย โดยเฉพาะอาหารรสเย็น เพื่อจะให้เกิดความสมดุลและแก้อาการดังที่กล่าวมาข้างต้น

สรรพคุณของ “ลิ้นจี่”

ตามตำรายาจีนตั้งแต่โบราณ ถ้าประสบว่ามีลักษณะอาการของโรคหวัดก็จะใช้ผลไม้อย่างลิ้นจี่มาเป็นผู้ที่ช่วยเหลือแก้อยู่ตลอด และยังมีสรรพคุณแก้อาการติดเชื้อในลำคอหรือโรคที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัส ช่วยเพิ่มเติมพลังให้แก่ร่างกาย ผ่อนคลายความรู้สึกปวดเมื่อย เจ็บปวดบวมตามร่างกายโดยอาจจะใช้เปลือกผลและเมล็ดของลิ้นจี่มาผสมกับสมุนไพรจำพวกอื่นแล้วทำเป็นยาไว้กิน

นอกเหนือจากนั้นนี้ก็มีวิตามินซีในจำนวนสูงซึ่งมีอยู่ด้านในเนื้อของลิ้นจี่นั่นเอง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ผู้ใดๆ ก็ควรจะเป็น เนื่องมาจากในยุคสมัยนี้มีมลพิษรอบตัวจำนวนไม่ใช่น้อย และก็ยังไม่หมดเนื่องจากลิ้นจี่มีไขมันที่สำคัญๆ ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดิบได้ดีทีเดียว อาทิ กรดปาล์มิติก กรดลิโนเลอิก และกรดโอเลอิก

และในตอนนี้ทางการแพทย์ได้เล็งแสดงตัวถึงสรรพคุณทางยาจากลิ้นจี่ จึงมีการดำเนินการงานศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับลิ้นจี่ไม่น้อยเลยทีเดียวซึ่งเจอว่า สารสกัดจากส่วนต่างๆ ของลิ้นจี่มีคุณค่าสำหรับในการช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง มีประโยชน์ต่อคนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งมาก ยิ่งไปกว่านั้นนี้มีการศึกษาและทำการค้นพบที่น่าดึงดูดอีกว่า สา

“เมล็ดลิ้นจี่”แก้ไส้เลื่อนบุรุษ

ลิ้นจี่ นอกนั้นเนื้อจะมีรสชาติหวานหอมอร่อยแล้ว เมล็ด ยังมีสรรพคุณใช้รักษา โรคไส้เลื่อน หรือ โรคอัณฑะหย่อน ในบุรุษได้ดีอีกด้วย โดยมี เคล็ดลับสะดวกสบายคือ ให้เอา “เมล็ดลิ้นจี่” ที่กินเนื้อหมดแล้วมากเล็กน้อยแล้วแต่จะหาได้ไปตากแห้ง เมื่อ “เมล็ดลิ้นจี่” แห้งได้ที่แล้วเอาไปคั่วไฟอ่อนๆจนสุกเกรียม บดเป็นผงขนาดที่เล็กมาก นำเอาผงที่ได้ 1-2 ช้อนโต๊ะต้มกับน้ำ หรือตัก 1 ช้อน ชงกับน้ำร้อน 1 แก้ว กินวันละ 3–4 ครั้ง สื่อสารกันเป็นเวลา 20 วัน จะเห็นผลค่อนข้างและแจ่มแจ้งว่าอาการที่เป็นไส้เลื่อนหรือลูกอัณฑะหย่อนดียิ่งขึ้นและหายได้ท้ายที่สุด

ลิ้นจี่กับสรรพคุณเพื่อจะสุขรูป

ลิ้นจี่ ผลไม้ประจำฤดูกาลนี้อีกประเภทนึงที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย เมล็ดลิ้นจี่แคปซูล ด้วยรสชาติที่หวานหอม อร่อย ชื่นใจ เหมาะกับอากาศร้อนๆในในตอนนี้เป็นเสียเหลือเกิน

ลิ้นจี่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Litchi Chinensis Sonn. วงศ์ Sapindaceae ต้นกำเนิดของลิ้นจี่ คือ ประเทศจีน มีโดยประมาณ 30-40 พันธุ์ กวีเอกยุคราชวงศ์ถังชื่อ ป๋ายจีอี้ เคยเขียนไว้ว่า “ถ้าลิ้นจี่ถูกเด็ดจากต้น 1 วัน เปลือกจะแปลงสี 2 วัน กลิ่นหอมก็จะเปลี่ยนแปลง 3 วัน รสชาติก็เปลี่ยนไป และภายหลัง 4-5 วัน ทั้งสี กลิ่น และรสก็จะแปรไปหมดสิ้น” นอกจากนี้นี้ ลิ้นจี่ยังถูกกล่าวถึงในความเป็นมาศาสตร์จีนในยุคราชวงศ์ถัง โดยสำเร็จไม้ได้โปรดกรุณาของหยางกุ้ยเฟย พระสนมของจักรพรรดิถังเสวียนจงอีกต่างหาก

ในลิ้นจี่นั้นอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุจำนวนไม่ใช่น้อย ดังเช่นว่า วิตามิน บี 1 ในลิ้นจี่ช่วยคุ้มครองป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ช่วยทำให้ ร่างกายเจริญเติบโตคุ้มครองป้องกันไขมันอุดตันในหลอดเลือด แคลเซียมเสริมสร้างกระชมกให้แข็งแรง อีกอีกทั้งที่มีไนอะซีน ช่วยเปลี่ยนแปลงน้ำตาลและไขมันให้เป็นพลังงานช่วยระบบย่อยอาหารได้อีกต่างหาก

คุณค่าทางอาหารของลิ้นจี่

ลิ้นจี่ได้ผลสำเร็จไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมหวานชวนกิน คนไทยกินผลสด และนิยมนำลิ้นจี่มาทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มแก้กระขาดหายน้ำ
รรพคุณทั่วไป

เชื่อเรื่องหรือไม่มีความคิดเห็นว่ารสชาติหวานๆเช่นนี้ลิ้นจี่หยิบได้ผลสำเร็จไม้ที่เหมาะกับการรักษารูปร่าง ถ้าเกิดทานอย่างพอดี ลิ้นจี่ 1 ถ้วย (6 ผล ไม่แกะเมล็ดออก) ให้พลังงาน 125 แคลอรี มีไขมันต่ำกว่า 1 กรัม ลิ้นจี่มีวิตามินบี 2 โพแทสเซียม และมีวิตามินซีสูงมาก กินลิ้นจี่เพียงวันละ 3 ผลก็ได้วิตามินซีครบถ้วนตามความรู้สึกที่อยากได้ใน 1 วัน เนื่องมาจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยบำรุงหลอดเลือด กระชมกและฟัน ในฤดูกาลที่มีขายให้ทานกันอย่างมากมาย สามารถใช้ลิ้นจี่แทนการทานวิตมินซีสังเคราะห์ได้

สรรพคุณทางยาของส่วนต่างๆ

เนื้อในผล กินเป็นยาบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง แก้กระขาดหายน้ำ แก้อาการคัดจมูก รักษาอาการท้องเดิน ลดกรดในกระ-เพาะอาหาร และบรรเทาอาการไม่ทั่วไปของระบบทางเดินอาหาร
ยิ่งกว่านั้นนี้ประเทศจีนใช้ชาเปลือกลิ้นจี่บรรเทาอาการหวัด แก้การติดเชื้อในลำคอ อาการท้องเสียอย่างอ่อน และโรคจากการติดเชื้อไวรัส แก้บิด แก้ผดผื่น
เมล็ดมีฤทธิ์แก้ปวดบวม โดยใช้บดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือใช้พอกบริเวณมีอาการ
รากลิ้นจี่หรือเปลือกต้นใช้แก้อาการติดเชื้อไวรัส อีสุกอีใส และเพิ่มเติมอีกสมรรถภาพระบบภูมิคุ้มค่ากันของร่างกาย ลิ้นจี่มีจำนวนเส้นใยอาหารสูง มีปริมาณพลังงาน ต่ำ และเชื่อเรื่องกันว่ามีคุณสมบัติช่วยเผาผลาญสารอาหารในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ

สรรพคุณกับการต้นโรคมะเร็ง

มีงานศึกษาค้นคว้าในประเทศจีนกล่าวถึงการสกัดสารฟลาโวนอยด์ที่มีเยอะมากๆในเปลือกและเนื้อลิ้นจี่ ว่าสามารถช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านม และช่วยยับยั้งผลต่อเนื่องในการแทรกตัว การยึดเกาะพื้นผิวของเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งในช่วงเวลานี้อยู่ด้านในขณะการคิดทบทวนผลิตเป็นอาหารเสริมให้กับผู้ป่วยมะเร็ง

https://ekonomisyariat.com/

 

My Review

Review Form...

Reviews

Loading Reviews...