king man ตัวหนังเล่าย้อนไปในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ดยุยงก ‘อ็อกฟอร์ด’ (Ralph Fiennes) ได้สูญเสียเมียไปทันทีทันใดในระหว่างภารกิจส่งสเบียงให้กับทหาร เขาให้คำมั่นสัญญากับเมียว่าจะคุ้มครองลูกชายผู้เดียวอย่าง ‘คอนราด’ (Harris Dickinson) ผู้มีความฝันว่าต้องการจะเป็นทหารไม่ให้ร่วมรบ กระทั่งเมื่อเกิดเหตุลอบฆ่าพระราชาธิราชที่ออสเตรีย
แปลงเป็นชนวนเหตุที่สงครามโลกครั้งที่ 1 อันเป็นแผนของ ‘คนเลี้ยงแกะ’ ที่รอชักใยการบ้านการเมืองของประเทศร่วมการสู้รบอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ดยุยงกอ็อกฟอร์ดก็เลยได้เปิดเผย “โครงข่ายคนใช้” ที่รอสืบหาข่าวกรองทั่วทุกมุมโลก ที่มีแม่บ้านอย่าง ‘พอลลี’ (Gemma Arterton) แล้วก็ ‘โชลา’ (Djimon Hounsou) คนขับรถรถม้าเป็นพวกลับๆให้คอนราดได้รับทราบ ซึ่งโครงข่ายนี้นี่แหละเป็นแหล่งกำเนิดที่จะเปลี่ยนไปเป็นหน่วย Kingsman ในเวลาถัดมา
king man
แม้ว่าจะเป็นหนังที่เป็นภาคต่อจาก Kingsman ทั้งคู่ภาค แม้กระนั้นก็จำเป็นต้องขอเบรกเอี๊ยดก่อนครับ หากว่าต้องการจะไปดูแอ็กชันมันๆล้ำๆเปี่ยมลูกบ้า หรือต้องการไปดูความนำสมัยโก้เริ่ดเฉียบคมในแบบสองภาคก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ด้วยเหตุว่าตัวหนังหัวข้อนี้เป็นหนัง Prequel ที่พาย้อนไปพบตำนานแหล่งกำเนิดของหน่วยข่าวกรองคิงส์แมนแบบจริงๆจังๆโปรดักชันวางแบบโดยรวมก็เลยพาย้อนไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 แบบแน่ชัดซะจนกระทั่งเกือบจะไม่หลงเหลือภาพของหนังแอ็กชันล้ำๆรวมทั้งพล็อตเปี่ยมลูกบ้าเสมือนอย่างสองภาคก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย
แม้กระนั้นแทนที่ด้วยการเล่าเรื่องแบบหนังแอ็กชันที่ผสมเนื้อหาเกี่ยวกับการบ้านการเมือง king man การรบ แล้วก็พรีเซนเทชั่นผ่านเรื่องราวของสายอังกฤษสมัยก่อนขนานแท้สิ่งที่เป็นคุณลักษณะเด่นอย่างแจ่มแจ้งของหนังหัวข้อนี้ก็คือการจับเรื่องราวประวัติศาสตร์ตอนสงครามโลกมาตีความหมายใหม่รวมทั้งดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขได้อย่างเด่นแล้วก็กลมกลืนมากมายๆขอรับ
นอกจากว่าจะจับเอาเกร็ดประวัติศาสตร์ที่มีอยู่จริง และก็การใส่บุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ดังเช่นว่าจักรพัตราธิราช กษัตริย์ ผู้นำ รวมทั้ง ‘รัสปูติเตียนน’ (Rhys Ifans) ผู้โจษจัน หรือแม้กระทั้งดยุยงกอ็อกฟอร์ดเองก็ได้แรงดลใจจาก ‘หนอี ลอว์เรนซ์’ (T. E. Lawrence) สายอังกฤษยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่มีตัวตนอยู่จริงรวมถึงการปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ดังเช่นว่าการล่มสลายของจักรวรรดิรัสเซียด้วย ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์เอาไว้แบบหละหลวมๆแม้กระนั้นก็ไม่ใช่แค่การเล่าประวัติศาสตร์ที่เอามาจับคู่กับตำนานสายคิงส์แมนที่เกิดเรื่องแต่ง
ก่อนจะเบาๆเฉลยคำตอบความเป็นมานิดๆหน่อยๆของสิ่งต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับหน่วยคิงส์แมน (ที่ผู้ชมภาคก่อนๆแล้วคงจะเก็ต) เพียงเท่านั้น”Boston Stranglerถ้าว่าคุณรู้สึกชื่นชอบหนังสอบสวน แสวงหาร่องรอยคลี่คลายปัญหาคดีการสังหาร ซ้ำยังเกิดเรื่องที่อิงมาจากเหตุจริงในประวัติศาสตร์ คุณก็คงจะจะต้องชื่นมื่นหนังหัวข้อนี้ นี่เป็น “Boston Strangler” หนังอาชญากรรมที่ถือเอาคดีฆาตกรโรคจิตที่ตามที่สุดอีกหนึ่งคดีมาขึ้นหน้าจอใหญ่ ถึงแม้คดีนี้ชอบถูกถือมาสร้างบ่อยๆในลักษณะต่างๆในตอนหลายทศวรรษก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา แต่ความเข้มข้นของคดีนี้ก็ยังตรึงตาตรึงใจได้อย่างดีเยี่ยม
Boston Strangler เกิดเรื่องราวของผู้สื่อข่าวสาว ลอเร็ตต้า แมคลาฟลิน จากหนังสือพิมพ์ คิงแมน3 เรดคอร์ด ออฟ อเมริกัน ที่แปลงเป็นผู้สื่อข่าวหญิงที่คลุกวงในรวมทั้งตั้งประเด็นสำหรับการเผยกรณีการฆาตกรรมเหยื่อสาวหลายรายในพื้นที่นครบอสตัน ในตอนต้นสมัยปี 1960s ที่แปลงเป็นหนึ่งในคดีอาชญากรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์จากอเมริกา คุณร่วมมือกับเพื่อนผู้ร่วมการทำงาน จีน วัวล สำหรับในการไล่แสวงหาเค้าเงื่อนจากทั่วทุกทิศทุกทาง เพื่อนำปากทางเข้าใกล้ตัวฆาตกรโรคจิต จนได้รับการขนานว่าเป็นผู้สื่อข่าวหญิงสถานที่ทำงานได้เร็วกว่าตำรวจเสียอีก
นี่เป็นผลงานการดูแลรวมทั้งเขียนบทของ “แมตต์ รัสรับประทาน” โปรดิวเซอร์ชายหนุ่มที่อยู่เบื้องงานสร้างภาพยนตร์ตื่นเต้นเกรดรองๆมาหลายเรื่อง รวมทั้งครั้งจัดว่าเขากลับมาดูแลหนังในรอบ 5 ปี ภายหลังที่ผลงานการดูแลหนังส่วนมากของเขาจะไม่ค่อยมีความสำเร็จสักเท่าไหร่นักก็ตาม แต่ว่าถือว่าโชคดีที่เคสที่จับเอามาเป็นหัวข้อสำคัญของหนังนั้น ค่อนข้างจะมีความทรงอำนาจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้แทบไม่ต้องทำอะไรมากมาย ก็พลอยทำให้หนังมองเข้มข้นได้เรื่อยอย่างสม่ำเสมอ
เอาจริงเอาจังๆหนังบางทีอาจจะไม่สามารถที่จะนำไปเปรียบกันหนังสอบสวนเชิงข่าวสารเรื่องยอดเยี่ยม อย่าง Spotlight รวมทั้ง The Post หรือหนังแสวงหาคนร้ายดังใน Zodiac ได้เลย เพราะเหตุว่ากลเม็ดเด็ดพรายของหนังค่อนข้างจะไม่เหมือนกันพอควร Boston Strangler เสมือนเป็นเพียงแค่หนังที่จับเอาการจริงมาเซ็ตใหม่เล่าเป็นฉากๆตามไทม์ไลน์ของคดีที่เกือบจะไม่ออกนอกลู่นอกทาง
หรือออกมาจากคอมฟอร์ทโซนของตนเลยนิดหน่อยหากว่าโซนไม่มีอันตรายของหนังหัวข้อนี้ที่ดำเนินไปแทบ 2 ชั่วโมงของเรื่อง จะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เนื่องจากมันก็เป็นจุดที่ทำให้ผู้ชมสามารถติดตามติดตามเค้าเงื่อนได้บันเทิงใจไปพร้อมๆกับผู้แสดง เพียงมันบางทีอาจจะมิได้มอบความแปลกใหม่แล้วก็มีกิมไม่กลูกเล่นอะไรที่ให้น่าระทึกใจนัก การเล่าเรื่องไปเรื่อยเป็นลำดับของคดี ถึงจะไม่มีเบื่ออะไร กลับยังมิได้ทำให้น่าดึงดูดที่สุดในขั้นนั้น
และก็อีกหนึ่งโชคดีที่ Boston Strangler ประเด็นนี้มีก็คือกลุ่มดาราระดับประสิทธิภาพ ที่นับว่าดาราหนังทุกคนมารับหน้าที่หามหนังประเด็นนี้เอาไว้อย่างมาก โดยยิ่งไปกว่านั้น “เคียร่า ไนต์ลี” ที่หน้าที่นี้ของคุณ บางทีอาจจะไม่มีอะไรแปลกใหม่จากบทที่เคยถ่ายทอดมาแล้วจากหนังเรื่องที่ผ่านมาอะไร แต่ว่าการแสดงระดับมือโปรของคุณก็เป็นจุดที่ช่วยช่วยเหลือหนังอีกทั้งเรื่องเอาไว้ได้ค่อนข้างจะน่าพึงพอใจ
ยิ่งมีนักแสดงสมทบชั้นยอด อย่าง “ห่วงใยปรี่ คูน”, “คริส คูเปอร์”, “เดวิด แดสท์มัลแชน” หรือ “อาเลสซานโดร นิโม้ลา” ยิ่งเป็นส่วนเสริมทำให้ Boston Strangler ยังคงคอนเซ็ปต์หนังในแบบที่จะต้องเป็นเอาไว้ก้าวหน้า รวมทั้งจะต้องขอชื่นชอบสำหรับในการสร้างโทนบรรยากาศกับห้อมล้อมในหนังหัวข้อนี้ แม้ว่าจะยังไม่ใช่ส่วนประกอบที่ละเอียดชัด แม้กระนั้นหนังก็ทำออกมาเจริญ เป็นโทนแบบที่หนังสอบปากคำอาชญากรรมควรมี รวมทั้งยังเวิร์กกับการถือมาใช้ได้ดี
เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้ว Boston Strangler บางทีก็อาจจะยังมิได้เป็น king man หนังอาชญากรรมสอบสวนเชิงข่าวสารที่เต็มไปด้วยกึ๋นอะไร หนังออกจะเล่าแบบผิวเผินแล้วก็ปกติ แบบมิได้มีกลเม็ดเด็ดพรายมากมายนั้น แม้กระนั้นการเล่าแบบไล่เรียงไทม์ไลน์คดีทั่วๆไปนั้นก็มิได้ทำให้ตัวหนังดูไม่ดี กลายเป็นหนังที่มองบันเทิงใจแล้วก็มองได้ง่ายดีด้วยซ้ำ เพียงแค่สุดท้ายแล้วมันบางครั้งอาจจะยังไม่มีมุมไหนที่น่าจำสักเท่าไหร่ เป็นหนังที่มองผ่านแล้วหลังจากนั้นก็ผ่านเลยไป และก็ความพากเพียรที่จะชมเชยนักแสดงหลักอย่าง ลอเร็ตต้า แมคลาฟลิน ก็ยังตอบปัญหาออกมาได้ไม่สะดุดตาซักเท่าไหร่จะเป็นนัก
The Magician’s Elephant มนตร์เวทมนตร์คาถากับช้างยอดเยี่ยม
มาถึงอีกหนึ่งหนังแอนิเมชั่นที่ต้องการจะชี้แนะให้มาดูดูอีกประเด็นในบรรยากาศไปสู่ตอนปิดภาคการศึกษาของน้องๆหนูๆนี่เป็น “The Magician’s Elephant มนตร์คาถาอาคมกับช้างดีเลิศ” หนังที่ปรับเปลี่ยนสร้างขึ้นจากวรรณกรรมคลาสสิกของ เคท ดิติดอยู่ไม่ลโล ที่ได้รับรางวัล Newbery Award ที่ออกมาเป็นแอนิเมชั่นที่อบอุ่นหัวใจ พร้อมกับอาจจะเป็นผลให้ผู้ชมหลั่งน้ำตารินไหลออกมาแบบไม่ทันรู้ตัวกับความซาบซึ้งของหัวข้อนี้
The Magician’s Elephant มนตร์เวทมนตร์คาถากับช้างดีเลิศ เกิดเรื่องราวขณะออกตามหาน้องสาวที่จากจากกันไปนานของปีเตอร์ ในวัยชายหนุ่ม เขาได้มาพบกับหมอดูในตลาด ปัญหาเดียวที่ยังคาใจเขาตอนนั้นก็คือน้องสาวยังมีชีวิตอยู่ไหม คำตอบที่ได้ก็คือเขาจึงควรตามช้างปัญหาไป แล้วก็โน่นเป็นจุดเริ่มให้ปีเตอร์ได้เจอกับการเสี่ยงอันตรายครั้งยิ่งใหญ่เพื่อทำภารกิจสุดหิน 3 อย่าง ซึ่งจะแปลงเค้าหน้าเมืองนี้ด้วยความอัศจรรย์ไปชั่วกับชั่วกัลป์
นี่เป็นผลงานควบคุมหนังใหญ่เรื่องแรกของผู้กำกับหญิงที่เคยอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังงานสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นดังๆอย่าง “เวนดี้ โรเจอร์ส” คุณเคยเป็นกลุ่มสร้างแนวทางพิเศษให้กับ Puss in Boots หรือ Sherk มาก่อน และก็จับเอาไว้ประสบการณ์พวกนั้นมาใช้ในหนังประเด็นนี้ได้ค่อนข้างจะน่าพึงพอใจ งานสร้างแอนิเมชั่นของคุณค่อนข้างจะถูกใจ
เป็นการสร้างการ์ตูนสามมิติที่ใส่แนวทางสต็อบโมชั่นเข้าไปเป็นกิมไม่กถือว่าโชคดีที่ต้นฉบับของ The Magician’s Elephant เป็นวรรณกรรมชั้นยอดหนได้รับการยินยอมรับจากนักอ่านทั้งโลก มันเป็นหนังสือที่ร้อยเรียงความกลมกล่อมละมุนละไมเอาไว้ได้อย่างประจวบเหมาะ แม้ว่าจะเอามาปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงเป็นบทหนัง ด้วยความสามารถของผู้เขียน “มาร์ติน ไฮเนส” จาก Toy Story 4 ก็ยังจัดว่าเก็บรายละเอียดที่ได้รับมาจากต้นฉบับเอาไว้ได้ออกจะดีดังเดิม
เค้าเรื่องของหนังประเด็นนี้บางครั้งอาจจะเล่าสไตล์เป็นนิทานก่อนนอนสักเรื่องหนึ่ง king man เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จที่ลงล็อตพอเหมาะพอเจาะไปหมด แทบจะไม่มีอะไรที่แปลกใหม่สักเท่าไหร่ แต่ว่าก็เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวแฟนตาซีกล้วยๆที่มองได้อย่างไม่ยากเย็นรวมทั้งย่อยได้อย่างง่ายดายเช่นกัน บางครั้งอาจจะยังไม่ใช่่รายละเอียดที่ประทับจิตใจไปถึงขั้วลึก
แต่ว่าขั้นต่ำๆมันได้แทรกสอดแง่คิดและก็แง่คิดให้กับเด็กๆในการพัฒนาการเจริญเติบโตได้อย่างดีเยี่ยมงานบรรยายเสียงของหัวข้อนี้ก็เด่นพอได้ เนื่องจากว่าได้โอกาสมนักแสดงมาบรรยายชุดใหญ่เช่นกันนะ นำกลุ่มโดย “โนอาห์ ยกป” อดีตกาลศิลปินเด็กที่ขณะนี้โตเป็นชายหนุ่ม กับน้ำเสียงทุ่มหล่อของเขาก็เหมาะสมกับหนังดี สมทบด้วย “แมนดี้ พาทินคิน”, “ไบรอัน ไทรี เฮนรี” หรือ “เซีย คลิฟฟอร์ด” ก็มาให้เสียงสมทบได้ดิบได้ดี เหมือนกันกับ “เบเนดิตก์ หว่อง” ที่มากับเสียงที่ถือได้ว่าเป็นการดำเนินการในหนังการ์ตูนเรื่องที่ 2 ของเขาด้วย
โดยสรุปแล้วนั้น The Magician’s Elephant บางครั้งอาจจะเป็นหนังแอนิเมชั่นที่ยังหาคุณลักษณะเด่นที่สุดได้ยังไม่ค่อยแจ่มกระจ่างเท่าไรนัก แต่ว่าก็ยังเป็นหนังที่มองได้ง่าย เข้าถึงง่าย ที่ผลิตขึ้นมาจากวรรณกรรมเล่มดัง มีงานสร้างที่ทำออกมาได้ค่อนข้างจะน่าประทับใจ ถึงจะยังไม่ถึงกับขนาดพึงใจอะไรขนาดนั้น แม้กระนั้นส่วนประกอบต่างๆโดยรวมของหนังหัวข้อนี้นั้น นับว่าก็ใช้ได้ในระดับที่โอเค
Hidden Blade ล้มคมพยัคเฆนทร์
“Hidden Blade ล้มคมเสือ” นับว่าเป็นหนังที่ทำให้พวกเราไม่บางทีอาจละสายตาได้เลย เนื่องจากว่าการเดินเรื่องราวของเขานั้นมีการสลับระยะเวลาไปๆมาๆพาให้พวกเราได้ฉงนสงสัยกันอยู่เสมอเวลา พร้อมการลับคมลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่ในทุกความประพฤติ ฝังลึกเข้าไปในหน้าที่ของ 2 นักแสดงหลัก “เหลียงเฉาเหว่ย” แล้วก็ “หวังอี้ป๋อ” พร้อมทั้งดารามากมายความสามารถอีกเนืองแน่นมาแข่งขันอารมณ์ ให้พวกเราได้จมสู่ขณะที่การรบ และก็กลยุทธ์อันคมคาย
สำหรับภาพยนตร์ Hidden Blade ล้มคมพยัคฆี เกิดเรื่องราวของสายจีนในตอนของสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อประเทศอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการ คนเดินดินกรุ๊ปหนึ่งก็เลยเสี่ยงอันตรายตั้งหน่วยงานใต้ดินขึ้นเพื่อกระทำส่งข่าวคราวกรองและก็คุ้มครองแผ่นดินกำเนิดของตนเอง หนังมีพื้นข้างหลังของเรื่องอยู่ในตอนปี 1937 – 1945 เมื่อทหารประเทศญี่ปุ่นบุกจู่โจมท่าเรือเพิร์ลฮาร์เบอร์ แล้วก็ทำสงครามกับประเทศยักษ์ใหญ่อย่างอังกฤษ สหรัฐอเมริกา
ทั้งยังเข้ายึดเซี่ยงไฮ้ของจีน จากเหตุการรบที่เกิดขึ้นทำให้เหตุการณ์การศึกในจีนทวีความร้ายแรงเยอะขึ้น สมาชิกพรรคลัทธิคอมมิวนิสต์จีนที่เป็นสายใต้ดิน ก็เลยจำต้องเสี่ยงกับการที่จะเกิดอันตรายที่บางทีอาจตายเพื่อส่งข้อมูลลับออกไปกีดกันการพูดจาระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับเจียงไคเช็คให้ได้ เพื่อคุ้มครองแผ่นดินแม่ของพวกเขา
เริ่มต้นหน้าจอยักษ์ด้วยการเล่าเรื่องราวในตอนกำเนิดการสู้รบระหว่างชาติ king man รวมทั้งเมืองที่เต็มไปด้วยเศษซาก การเอาตัวรอดจากกองทัพ และก็ตัดสลับไปยังหน่วยงานลับที่รอปฏิบัติภารกิจจัดแจงพูดจากับฝั่งกองทัพ หนังจะเล่ารายละเอียดเป็นขั้นเป็นตอน บางทีอาจมิได้ให้รายละเอียดที่บทพูดมากสักเท่าไรนัก แม้กระนั้นฉากหลักของหนังทำให้พวกเราได้รู้เรื่องรายละเอียดในตอนนั้นๆโดยจะมีคำชี้แจงประกอบให้พวกเราได้รับทราบช่วงของเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งยังเวลาการทำสงคราม บุคคลสำคัญเสียชีวิต ซึ่งในระหว่างการเดินเรื่องจะมีการย้อนขณะอยู่เป็นระยะ
พร้อมเพิ่มเงื่อนขึ้นมาอยู่เรื่อยด้วยผู้แสดงหลัก “เหลียงเฉาเหว่ย” รวมทั้ง “หวังอี้ป๋อ” จะเป็นผู้รอเสนอแนะสถานะการณ์ต่างๆแล้วก็ในบางจุดยังมีความลับซ่อนเร้นไว้รอคอยการเปิดเผยอีกด้วย แต่รายละเอียดบางทีอาจมิได้เน้นย้ำไปที่ตัวการศึกแบบเต็มๆแต่ว่าจะรายละเอียดสะดุดตาสำหรับในการใช้แนวทาง การฝึกสมองแข่งขันสติปัญญา ให้พวกเราได้มีความคิดว่าน่าติดตามกับรายละเอียดที่เล่าในลำดับถัดมาเรื่อยพร้อมการวางรายละเอียดอย่างมีกลเม็ดเด็ดพรายไล่ไปในแต่ละระดับอารมณ์ และก็มีจุดไคลแมกซ์ให้พวกเราได้ตื่นเต้นสั่นประสาท
จนถึงไม่บางทีอาจเชื่อในสิ่งที่มองเห็นเพียงอย่างเดียวได้ เนื่องจากว่ามีการพลิกล็อคให้พวกเราถูกตาค้างกันไปข้างหนึ่งส่วนตัวมีความคาดหมายฉากแอ็คชันเต็มแบบอย่างภายหลังอ่านเรื่องย่อ แต่ในหนังมิได้ป้ายความผิดเป็นแอ็คชันการศึกคะขนาดนั้น แม้กระนั้นยังมีฉากให้ 2 ผู้แสดง “เหลียงเฉาเหว่ย” แล้วก็ “หวังอี้ป๋อ” โชว์ทั้งยังความหล่อ โก้เก๋ บ้าระห่ำ ให้พวกเราได้เลือดพุ่งพรวด เนื่องจากว่างานดีเลิศ ทั้งยังการต่อสู้บู๊แหลก หามความร้อนรุ่มเอาไว้ภายในขณะนี้ เว้นแต่ฉากแอ็คชันเสริมอารมณ์ความลุ้นระทึกแล้วนั้น ยังมีฉากเศร้าโศกใจให้พวกเราได้เข้าถึงอารมณ์การเอาตัวรอดในตอนการสู้รบ แล้วก็จากอำนาจเผด็จการอีกด้วย
การตัดต่อของหนังหัวข้อนี้นับว่าเป็นลักษณะเด่นเลยก็ว่าได้ในการตัดต่อฉากสลับช่วงไปๆมาๆ เสมือนเรื่องราวกำลังเกิดขึ้น แต่เปลี่ยนเป็นอดีตกาลที่เกิดขึ้นมาแล้ว โดยมีการใช้เคล็ดลับนี้ค่อนข้างจะหลายทีในประเด็นนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผลให้เพิ่มลูกเล่นของหนัง แต่ว่าบางคราวอาจมีผลพวงให้กับตอนที่พวกเรารับดู เนื่องจากอาจจะทำให้ไม่อาจจะจับจุดมาเรียงร้อยต่อกันได้ถ้าหากพลาดขณะใดๆก็ตามแต่ว่าเมื่อเดินเรื่องราวไปกระทั่งจบ ด้วยเหตุว่าเงื่อนในหลายๆจุดบางครั้งยังไม่มีการคลี่คลาย แม้กระนั้นในสุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดทั้งปวงก็ไปเฉลยคำตอบออกมาอย่างมีเหตุและก็ผลตามระยะเวลานั้นๆ
On a Wing and a Prayer
ถึงเวลาไประทึกเวหะกับความระทึกใจกับหเหม็นตุการณ์ราวปาฏิหาริย์ที่เคยเกิดขึ้น กับหนังที่ผลิตมาจากข้อเท็จจริง “On a Wing and a Prayer” ที่จับเอาเรื่องนักบินเสียชีวิตกะหันทันระหว่างขับเรือบิน ทำให้ผู้โดยสารที่แทบไม่มีซาบซึ้งใจขับเรือบิน จะต้องมารับหน้าที่แทน ท่ามกลางแรงกดดันเป็นอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งตำนานที่ถึงขั้นจำต้องสร้างออกมาเป็นหนังในโลกได้มอง
On a Wing and a Prayer เล่าราวที่อิงมาจากสถานะการณ์จริงราวกับปาฏิหาริย์ของครอบครัวเครือญาติไวต์ ภายหลังที่พวกเขาบิดามารดาและก็บุตรสาวทั้งยัง 2 คน ได้เดินทางมาร่วมงานฌาปนกิจศพพี่ชายที่รัก ดอห์จกับผู้หญิงในครอบครัวก็ได้ขึ้นเครื่องขึ้นรถส่วนตัวเพื่อกลับไปอยู่บ้านกัน พร้อมด้วยนักบินที่เป็นเพื่อนที่เคยชินกันรับหน้าที่เริ่มเดินทาง
แต่ว่าภายหลังที่เครื่องทะยานขึ้นสู่ฟ้าได้เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ king man กลับได้มาพบว่ากัปตันที่ทำหน้าขับเรือบินมีภาวการณ์อาการหัวใจวายกระทันหันรวมทั้งเสียชีวิตลงทันทีทันใด ทำให้ชีวิตของคนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัวได้ถูกฝากเอาไว้อยู่ในมือเขา ที่พึ่งเคยมีประสบการณ์เรียนขับเรือบินมาเพียงแค่ครั้งเดียว มีเพียงกำลังใจและก็พลังเลื่อมใสเพียงแค่นั้น ที่จะนำทางเขาไปได้
เพียงแค่ได้มองเห็นชื่อผู้กำกับ “ฌอห์น แม็คนามารา” ก็จำต้องปล่อยใจและก็ปล่อยวางสิ่งต่างๆไปก่อนเลยเป็นอย่างแรก เพราะเหตุว่าเขาผู้นี้เป็นผู้กำกับชั้นเอกที่ชำนาญอยู่ในแวดวงหนังมากมายว่า 30 ปี มีเอกลักษณ์เป็น ‘ความเห่ย’ อยู่ในผลงานหนังของเขาในแต่ละเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั้ง On a Wing and a Prayer หัวข้อนี้ ที่ทุกๆส่วนประกอบมากับความเห่ยอันเป็นเสน่ห์ของผู้กำกับคนนี้ดีจริง
บางบุคคลบางครั้งก็อาจจะจำไม่ได้ว่า ฌอห์น แม็คนามารา เคยดูแลหนังเรื่องไหนมา เพราะอะไรถึงเอ่ยถึงเขาแบบนี้ ผลงานเด่นๆของเขาก็ได้แก่ Casper Meets Wendy, Raise Your Voice, Bratz หรือที่ดีๆหน่อยก็น่าจะเป็น Soul Surfer หากว่าในตอนทศวรรษปัจจุบันเขาจะส่งผลงานออกมามาก แม้กระนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นหนังโทรทัศน์ที่นำเอาสูตรสำเร็จเดิมๆและก็ประสิทธิภาพที่มิได้ดีอะไรมากสักเท่าไรนัก
รวมทั้งสิ่งที่มาอยู่ใน On a Wing and a Prayer ก็เช่นกัน อย่างกับผลงานสมัยข้างหลังๆของเขา สล็อตออนไลน์ ที่ชอบแทรกสอดแง่คิดแล้วก็แรงเลื่อมใสของคริสตศาสนาเข้ามาเป็นเนืองๆหนังมีความเป็นคริสเตียนแทรกเข้ามาตามชื่อที่คงจะสัมผัสได้ ถึงกระนั้นกลิ่นของปัญหาทางศาสนาในหนังประเด็นนี้ก็มิได้แรงอะไรมากเท่าไรนัก ก็ยังใส่เข้ามาเป็นจุดที่รู้สึกชอบกลแม้กระนั้นก็ยังกลมกลืนไปกับเนื้อเรื่องได้อยู่ด้วย
บทหนังค่อนข้างจะปกติจริงๆไม่ได้ต่างอะไรจากหนังที่ทำออกมาฉายทางโทรทัศน์ เมื่อสัก 10-20 ปีกลาย โครงเรื่องเกือบจะไม่มีอะไร หนังเพียรพยายามใส่พล็อตเสริมเข้าไปที่เปลี่ยนเป็นส่วนเกินที่มองเกินจะจำเป็นจะต้องไปสักนิดสักหน่อย แม้กระนั้นก็ถือว่ายังโชคดีที่พล็อตหลักของเรื่องออกจะน่าดึงดูดแล้วก็สามารถทำออกมาให้บันเทิงใจได้อย่างง่ายๆ
โดยเหตุนั้นพล็อตหลักกับพล็อตเสริมก็เลยมีน้ำหนักเป็นของตนเองในระดับที่ยังโอเคอยู่ส่วนประกอบงานสร้างของหนังก็เป็นไปตามรายละเอียดแล้วก็ทุนสร้าง อย่างที่บอกเลยว่าโปรดักชั่นเช่นเดียวกับหนังฉายทางโทรทัศน์เสียมากกว่า หลายๆซีนยังไม่ค่อยแนบเนียนนัก บางซีนก็ใส่ฉากเข้ามาแบบกระด่างเหลือเกินสักนิด ทั้งๆที่นี่ไปสู่ปี 2023 แล้ว แม้กระนั้นก็ยังได้ได้โอกาสมองเห็นหนังที่มีงานสร้างแบบวินเทจๆเต็มไปด้วยความเก๋าของเคล็ดวิธีงานสร้างอย่างงี้อยู่ ก็เป็นอะไรที่กระตุ้นต่อมนึกถึงวันวานได้อยู่แบบเดียวกัน
ทางฝั่งของการแสดงก็จัดว่าไม่ได้อะไรที่หวือหวาเยอะแค่ไหน อาจเพราะเหตุว่าด้วยบทหนังที่เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จ อีกนิดก็จะแปลงเป็นเสมือนหนังที่ชอบใช้เป็นส่วนประกอบเล่าพวกสารคดีสักรายการแล้ว แต่ว่า “เดนิส เควด”, “เฮคุณร์ กราหมูแฮม” หรือ “เจสซี่ เมตค้างล์ฟ” พวกเขาก็รวมพลังกันประดิษฐ์ผลงานออกมาได้ดิบได้ดีตามมาตรฐานดี ถึงหนังหัวข้อนี้จะยังค่อนข้างจะไกลห่างจากคำว่าผลงานมาสเตอร์พีชสำหรับพวกเขา